เมื่อพูดถึงการเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียม ไม่ว่าจะเพื่อการใช้งานส่วนตัวของผู้บริหาร ครอบครัว หรือผู้ที่ใส่ใจในเทคโนโลยีแห่งอนาคต ปัจจัยสำคัญที่ไม่แพ้เรื่องของดีไซน์และสมรรถนะคือ “มาตรฐานความปลอดภัย” โดยหนึ่งในตัวชี้วัดที่ทั่วโลกให้การยอมรับ คือ คะแนน Euro NCAP และ ANCAP ซึ่งเป็นเกณฑ์การทดสอบที่สะท้อนถึงความปลอดภัยของรถยนต์ในสถานการณ์จริงอย่างรอบด้าน
มาทำความเข้าใจไปพร้อมกันว่า Euro NCAP คืออะไร แตกต่างจาก ANCAP อย่างไร และทำไมผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าควรให้ความสำคัญกับคะแนนเหล่านี้ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ
Euro NCAP คืออะไร ? รู้จักมาตรฐานทดสอบความปลอดภัยจากยุโรป
Euro NCAP ย่อมาจาก European New Car Assessment Programme หรือ โปรแกรมการประเมินรถยนต์ใหม่ตามมาตรฐานยุโรป ก่อตั้งขึ้นในปี 1997 โดยคณะกรรมาธิการยุโรปและองค์กรด้านความปลอดภัยหลายฝ่าย มีจุดประสงค์เพื่อสร้างเกณฑ์กลางในการวัดระดับความปลอดภัยของรถยนต์รุ่นใหม่ก่อนเข้าสู่ตลาด
สิ่งที่ทำให้คะแนน Euro NCAP มีความน่าเชื่อถือสูง คือการทดสอบที่อ้างอิงจากสถานการณ์จริงของอุบัติเหตุในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น
- การชนด้านหน้าแบบ Offset Frontal Test
- การชนด้านข้างทั้งจากรถยนต์และเสา (Side & Pole Impact Test)
- การพลิกคว่ำและผลกระทบต่อโครงสร้างตัวถัง
- การทดสอบการปกป้องผู้ใช้ถนนรายอื่น เช่น คนเดินถนน เด็ก และนักปั่นจักรยาน
ทั้งนี้ ผลลัพธ์ของคะแนน Euro NCAP จะถูกจัดอันดับด้วยระบบ “ดาว” ตั้งแต่ 0–5 ดาว โดยจำนวนดาวยิ่งมาก ยิ่งหมายถึงความปลอดภัยที่สูงขึ้น
ANCAP คืออะไร ? เข้าใจมาตรฐานคู่ขนานจากออสตราเลเซีย
ในขณะที่ฝั่งยุโรปมีคะแนน Euro NCAP ฝั่งออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ก็มีมาตรฐานคู่ขนานในชื่อว่า ANCAP หรือ Australasian New Car Assessment Program ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1993 และอยู่ภายใต้เครือข่าย Global NCAP เช่นเดียวกับ Euro NCAP โดยทำงานร่วมกันเพื่อสร้างมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก
ตั้งแต่ปี 1999 เป็นต้นมา Euro NCAP และ ANCAP ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและเกณฑ์การทดสอบอย่างใกล้ชิด รถยนต์รุ่นใหม่ที่ผ่านการทดสอบในยุโรปสามารถโอนผลคะแนนไปยังตลาดออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ได้ทันที สิ่งนี้ช่วยให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่ามาตรฐานที่ใช้ไม่แตกต่างกัน แม้จะอยู่คนละทวีปก็ตาม
เกณฑ์การทดสอบของ Euro NCAP และ ANCAP
ไม่ว่าจะเป็นคะแนน Euro NCAP หรือ ANCAP ต่างก็อ้างอิงเกณฑ์การทดสอบที่ครอบคลุมทั้งผู้โดยสารและผู้ใช้ถนนรอบข้าง โดยสามารถแบ่งได้เป็น 4 ด้าน ได้แก่
1. การปกป้องผู้โดยสารผู้ใหญ่ (Adult Occupant Protection)
การวัดระดับความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสารเมื่อเกิดการชน เช่น แรงกระแทกที่ศีรษะ หน้าอก และขา รวมถึงความแข็งแรงของโครงสร้างห้องโดยสาร
2. การปกป้องผู้โดยสารเด็ก (Child Occupant Protection)
การประเมินการปกป้องผู้โดยสารที่เป็นเด็ก ทั้งการติดตั้งเบาะนิรภัย ISOFIX การรองรับอุปกรณ์ความปลอดภัยเฉพาะสำหรับเด็ก และความมั่นคงของเบาะเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
3. การปกป้องผู้ใช้ถนนที่เปราะบาง (Vulnerable Road Users Protection)
เน้นการลดความรุนแรงของการชนต่อคนเดินถนนและนักปั่นจักรยาน เช่น การออกแบบฝากระโปรงรถให้ดูดซับแรงกระแทก หรือระบบตรวจจับคนเดินถนน (Pedestrian Detection)
4. ระบบช่วยเหลือการขับขี่ (Safety Assist Technologies)
การตรวจสอบว่ารถมีการติดตั้งเทคโนโลยีที่ช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุหรือไม่ เช่น
- ระบบเบรกอัตโนมัติฉุกเฉิน (Autonomous Emergency Braking – AEB)
- ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Electronic Stability Control – ESC)
- ระบบแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (Lane Departure Warning – LDW)
- ระบบช่วยควบคุมความเร็ว (Speed Assist System – SAS)
เหตุผลที่คะแนน Euro NCAP และ ANCAP สำคัญต่อผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า
สำหรับผู้ที่กำลังสนใจรถไฟฟ้าระดับพรีเมียม แนะนำว่าอย่ามองข้ามคะแนน Euro NCAP และ ANCAP เด็ดขาด ด้วยเหตุผลต่อไปนี้
ช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้โดยสารทุกช่วงวัย
ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ คะแนน Euro NCAP และ ANCAP ที่สูง คือการยืนยันได้ในระดับหนึ่งว่าทุกชีวิตในห้องโดยสารจะได้รับการปกป้องตลอดทุกการเดินทาง
สะท้อนคุณภาพของผู้ผลิตรถยนต์
ค่ายที่สามารถทำคะแนนระดับ 5 ดาวได้อย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงการลงทุนด้านการวิจัยและเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยขั้นสูง
เพิ่มมูลค่าการลงทุนในระยะยาว
รถยนต์ที่ผ่านมาตรฐานสูงมักมีมูลค่าขายต่อที่ดีกว่า เพราะผู้ซื้อในตลาดมือสองล้วนให้ความสำคัญกับประวัติการทดสอบความปลอดภัย
ตอบโจทย์กฎหมายและมาตรฐานสากล
หลายประเทศทั่วโลก รวมถึงไทย เริ่มบังคับใช้มาตรการความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้น รถยนต์ที่ผ่านการรับรองจาก Euro NCAP และ ANCAP ในระดับสูงจึงช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจว่า รถที่ตนเองเลือกซื้อได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ไม่ต้องกังวลเรื่องการขาดอุปกรณ์ความปลอดภัย หรือมาตรฐานที่อาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อชีวิตและการใช้งานในระยะยาว

ความแตกต่างของคะแนนในแต่ละภูมิภาค
อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้ใช้ควรรู้ คือ ในบางกรณี รถรุ่นเดียวกันอาจได้รับคะแนน Euro NCAP แตกต่างจากคะแนน ANCAP ทั้งที่ผ่านการทดสอบจากเครือข่ายเดียวกัน โดยปัจจัยหลักมาจากเรื่องอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ถูกจัดให้เป็นมาตรฐานในบางตลาด แต่กลับเป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับอีกตลาดหนึ่ง ตัวอย่างเช่น
- ระบบเบรกอัตโนมัติ (AEB) ที่อาจรวมอยู่ในรถที่จำหน่ายในยุโรป แต่ในบางรุ่นที่วางขายในออสเตรเลียกลับถูกจัดเป็นออปชันเสริม
- จำนวนถุงลมนิรภัยที่แตกต่างกันตามสเปกที่ผลิตเพื่อวางจำหน่ายในภูมิภาคนั้น
คะแนน Euro NCAP และ ANCAP คือมาตรฐานที่สะท้อนถึงความใส่ใจในชีวิตของผู้โดยสารและคุณภาพการออกแบบของผู้ผลิต การเลือกรถยนต์ไฟฟ้าที่ผ่านการรับรองคะแนนสูงสุดจึงเปรียบเสมือนการลงทุนในความมั่นใจทุกครั้งที่ได้ขับขี่
สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมที่รวมทั้งดีไซน์ทันสมัย เทคโนโลยีล้ำหน้า และมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก ZEEKR X คือสเปกที่ตอบโจทย์ทั้งด้านสมรรถนะและความหรูหราเหนือระดับ พร้อมระบบความปลอดภัยที่ผ่านการออกแบบมาเพื่อมอบความมั่นใจสูงสุดให้กับทุกการเดินทาง
ค้นพบประสบการณ์การขับขี่แห่งอนาคตได้แล้ววันนี้ที่ ZEEKR METRO ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ที่เดียวครบจบทุกโซลูชัน ทั้งโชว์รูม ศูนย์บริการ อู่สี และอู่ซ่อมบำรุง นัดหมายก่อนเข้าชม โทร. 02-012-3999 หรือ LINE Official: @zeekrmetro
ข้อมูลอ้างอิง
- Euro NCAP | The European New Car Assessment Programme. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2568 จาก https://www.euroncap.com/en.
- About ANCAP Safety | Vehicle Safety Ratings | Crash Test Results. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2568 จาก https://www.ancap.com.au/about-ancap.




